| ชื่อโครงการวิจัย/ชื่อเรื่อง | การบำบัดน้ำเสียที่มีความเข้มข้นของสารอินทรีย์และไนโตรเจนสูง (น้ำชะขยะ) ด้วยระบบทางชีวภาพแบบไม่ใช้อากาศ ตามด้วยกระบวนการพาร์เชี่ยลไนตริเตชันและอนาม็อกซ์เพื่อให้ได้พลังงานทดแทน (ก๊าซมีเทน) และนำน้ำที่ผ่านการบ้าบัดแล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ |
|---|---|
| ชื่อนักวิจัย/ชื่อผู้แต่ง | รองศาสตราจารย์ ดร.พงศ์ศักดิ์ หนูพันธ์ |
| ชื่อนักวิจัย/ชื่อผู้แต่ง ภาษาอังกฤษ | Assoc.Prof.Dr.Pongsak Noophan |
| คำสำคัญ | ก้าจัดไนโตรเจน;กระบวนการพาร์เชี่ยลไนตริเตชันและอนาม็อกซ์;การบำบัดน้ำชะขยะ;นำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ |
| หน่วยงาน | มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
| ปีที่เผยแพร่ | 2565 |
| คำอธิบาย | ผลการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติยืนยันว่า กระบวนการพาร์เชี่ยลไนตริเตชัและอนาม็อกซ์สามารถกาจัดไนโตรเจน (ไนโตรเจนทั้งหมด หรือ TN) ในน้าชะขยะจริงได้มีประสิทธิภาพสูงถึง 72% และบาบัดค่าซีโอดี (ซีโอดีละลายน้า หรือ SCOD) ได้มีประสิทธิภาพ 50% ในการทดลองใช้ถังปฏิกรณ์ 2 ถัง แต่ละถังมีปริมาณ 20 ลิตร เดินระบบแบบต่อเนื่อง ภายใต้เงื่อนไขการเดินระบบดังต่อไปนี้ อัตราส่วนของแอมโมเนียม:ไนไตร์ตต้องอยู่ในช่วงประมาณ 1:1 มีการควบคุมปริมาณอากาศที่ละลายน้า 0.7 มก./ล. (ปริมาณของอากาศที่เติมในถังปฏิกรณ์ 3 ล./นาที) ระยะเวลาเก็บกัก 12 ชม. น้าชะขยะจริงต้องมีอัตราส่วน SCOD:TN ไม่ควรเกิน 2.6:1 และอัตราส่วน BOD:TN ไม่ควรเกิน 1:1.25 (ค่าความเข้มข้นของแอมโมเนียมอยู่ในช่วง 340-360 มก. ไนโตรเจน/ล. SCOD อยู่ในช่วง 800-1000 มก./ล. bCOD อยู่ในช่วง 440-460 มก./ล. BOD อยู่ในช่วง 270-350 มก./ล. และค่าความเค็มไม่ควรเกิน 6,000-7,000 มก./ล.) |
| กลุ่มการนำไปใช้ประโยชน์ | ด้านวิชาการ |
| สาขาการวิจัย |
|
