ชื่อโครงการวิจัย/ชื่อเรื่อง ส่งเสริมการเลี้ยงปลาช่อนทะเล Black salmon (Rachycentron canadum) และการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า สินค้าประมงพื้นบ้านอำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ชื่อโครงการวิจัย/ชื่อเรื่อง ภาษาอังกฤษ Promote the culture of Black salmon (Rachycentron canadum) and value creation to local fishing products in Thalang District, Phuket
ชื่อนักวิจัย/ชื่อผู้แต่ง ผศ. กรรนิการ์ กาญจนชาตรี
ชื่อนักวิจัย/ชื่อผู้แต่ง ภาษาอังกฤษ Asst.Kannika Kanjanachatree
เจ้าของผลงานร่วม Assoc.Prof.Dr.Raymond James RITCHIE , นางสาวสุดารัตน์ ภู่พงษ์ , นางสาวธรรมรัตน์ แซ่ตัน , นางนภาพิศ หลิมสถาพรกุล
คำสำคัญ วิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาช่อนทะเลและประมงพื้นบ้านแหลมทราย;ปลาช่อนทะเล;เมนูปลาช่อนทะเล;การเพิ่มมูลค่าปลาช่อนทะเล;แปรรูปเปลือก'จักจั่นทะเล'เป็นอาหารเลี้ยงปลา
หน่วยงาน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต
ปีที่เผยแพร่ 2565
คำอธิบาย โครงการวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงปลาช่อนทะเล Rachycentron canadum (Black salmon) ในกระชังด้วยอาหารเม็ดต้นทุนต่ำที่บ้านแหลมทรายและเพิ่มมูลค่าสินค้าประมงพื้นบ้านที่เป็นอัตลักษณ์ของอำเภอถลาง เช่น ปลาช่อนทะเล จักจั่นทะเล ผักลิ้นห่าน ดำเนินการโดยจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงปลาช่อนทะเลขึ้น สร้างกระชังเลี้ยงปลาขนาด 3*3 เมตร จำนวน 8 กระชัง ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชังด้วยอาหารเม็ดจากวัสดุเหลือใช้และศึกษาอัตราแลกเนื้อ อบรมการแปรรูปเชิงปฏิบัติการ เปิดเพจการสร้างตลาดออนไลน์ขายสินค้าและประชาสัมพันธ์ จัดงาน open house นำสู่การท่องเที่ยวชุมชน ผลจากการดำเนินงานพบว่า การเลี้ยงปลาช่อนทะเลรุ่นแรกด้วยอาหารเม็ดต่ออาหารสดสัดส่วน 1:1 ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงธันวาคม 2564 น้ำหนักลูกปลาเริ่มต้นรวม 50.2 กิโลกรัม (กก.) ที่ความเค็ม 29+2ppt อุณหภูมิน้ำ 28.5+1.2CO ระยะเวลาเลี้ยง 10 เดือน ปลาช่อนทะเลมีน้ำหนักรวมเป็น 1,469.14 กก. โดยใช้อาหารสดและอาหารเม็ดทั้งหมด 4,547.2 กก.รวมเป็นเงิน 72,276 บาท หากใช้อาหารสดอย่างเดียวจะเป็นเงินทั้งสิ้น 90,944 บาท แต่เมื่อนำอาหารเม็ดที่ได้จากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและในครัวเรือนสามารถลดต้นทุนการเลี้ยงปลาได้ 18,668 บาท (คิดเป็น 20.5%) มีอัตราแลกเนื้อ (FCR) 3.2 อัตรารอด 98.6% อาหารเม็ดจากเศษวัสดุสามารถลอยน้ำได้ 50% นานถึง 49 นาที มีคุณค่าสารอาหารมากกว่าอาหารเม็ดที่ขายทั่วไป เช่น มีไขมัน เส้นใย เป็น 8.09%, 13.75% และแร่ธาตุอื่น ๆ โดยเฉพาะธาตุแคลเซียมมากถึง 3.19% แต่ปริมาณโปรตีนในอาหารเม็ดที่ทดลองพบเพียง 17.54% ในขณะที่อาหารเม็ดทั่วไปพบโปรตีนมากถึง 26.08% น้ำหนักของปลาช่อนทะเลถ้าแบ่งตาม ส่วนหัว เนื้อหนัง เครื่องใน ก้างติดเนื้อ เป็น 27.53, 50, 9.62 และ 12.85% ส่วนของหัวปลาจะมีน้ำหนักมากกว่าครึ่งหนึ่งของส่วนที่เป็นเนื้อ ดังนั้น ถ้าต้องการขายปลาให้ได้ราคามากกว่าเดิมก็ต้องเพิ่มมูลค่าด้วยการนำปลาช่อนทะเลมาแล่ขายเป็นชิ้นส่วนตามความต้องการของผู้บริโภค จะทำให้ขายได้เฉลี่ยทุกส่วนกก.ละ 223.5 บาท ในขณะที่ขายทั้งตัวจะขายได้เพียงกก.ละ 150 บาทเท่านั้น จากการสร้างมูลค่าของปลาช่อนทะเลทำให้สมาชิกมีรายได้ 2,104 บาท ต่อเดือน ทั้งนี้ หักค่าวัสดุถาวร (กระชัง อวน) เพียง 1 ส่วนจาก 3 ส่วน หมายความว่า สมาชิกจะมีรายได้มากกว่านี้ในปีที่ 4 ส่วนผลิตภัณฑ์ยำผักลิ้นห่าน จักจั่นทะเลนึ่ง จักจั่นทะเลทอดของบ้านไม้ขาว สมาชิกมีรายได้วันละ 400-600 บาทต่อวันต่อคน สร้างอาชีพให้ชุมชนได้อย่างชัดเจนจนสามารถทำโปรแกรมการท่องเที่ยวให้กับชุมชนได้จริง การทดลองขยายผลการดำเนินงานโครงการเลี้ยงปลาช่อนทะเลไปยังพื้นที่อ่าวสะปำ ได้ทดลองให้อาหารเม็ดจากวัสดุเหลือใช้ต่ออาหารสด เป็น 3:1 พบว่า ให้ผลดีกว่า มีการเจริญเติบโต 6.92 กรัม/วัน ในขณะที่เลี้ยงที่อ่าวพาราการเจริญเติบโต 2.32 กรัม/วัน ในระยะเวลา 5 เดือนเท่ากัน ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนได้เลี้ยงลูกปลาช่อนทะเลรุ่นที่ 2 เป็นโครงการต่อเนื่อง และวางแผนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเชิงชุมชนให้กับบ้านแหลมทราย ทำงานเป็นเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนร่วมกับบ้านไม้ขาวสร้างจุดเด่นของแต่ละพื้นที่เพื่อความยั่งยืนของรายได้และอาชีพต่อไป
กลุ่มการนำไปใช้ประโยชน์ ด้านสังคม/ชุมชน
สาขาการวิจัย
  • เกษตรศาสตร์

ภาพที่เกี่ยวข้อง

เอกสารเพิ่มเติม